งานวิจัยนี้ได้ศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและการต้านเชื้อจุลินทรีย์ของสารสกัดรำข้าวและกากรำ โดยขั้นแรกได้ทำการสกัดด้วยเฮกเซนเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสกัดที่มีสมบัติชอบไขมัน; LRBE จากนั้นได้นำกากรำที่ได้มาสกัดต่อด้วย เอทานอล เมทานอล และอะซิโตนที่ความเข้มข้นต่าง ๆ (0–100%) เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีสมบัติชอบน้ำ; HRBE จากนั้นจึงได้ศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด (TPC) พบว่าสารสกัด LRBE ให้ TPC ที่สูงที่สุด ในกลุ่มของ HRBE พบว่าสารสกัดเมทานอล 80%ให้ TPC สูงที่สุดที่ 83.23 โดยที่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเอทานอล 60% ในส่วนของความสามารถในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งวิเคราะห์โดยวิธี Disc diffusion และ Broth dilution พบว่าสารสกัด HRBE มีความสามารถในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดย HRBE จากการสกัดด้วยเอทานอล 60% มีความสามารถในระดับที่สูงกว่าต่อแบคทีเรียก่อโรคทั้งชนิดแกรมบวกและแกรมลบ ความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถต้านเชื้อจุลินทรีย์ (MIC) ที่ 25 mg/ml ต่อ Salmonella Typhimurium, Bacillus cereus และ Staphylococcus aureus นอกจากนี้กากรำที่เหลือยังนำมาสกัดโปรตีนโดยการใช้ด่าง (1 N NaOH) ตามด้วยการตกตะกอนโดยปรับค่า pH ด้วย HCl จากนั้นจึงนำสารสกัดโปรตีนที่ความเข้มข้นต่าง ๆ มาเตรียมฟิล์ม และศึกษาผลของความเข้มข้นต่อสมบัติทางกายภาพของฟิล์ม เริ่มจากการผสม RBP ที่ความเข้มข้น 3, 4 และ 5% (w/v) พบว่าเมื่อความเข้มข้นของโปรตีนสูงขึ้นจะทำให้สมบัติทางกายภาพของฟิล์มมีการเปลี่ยนแปลงคือ มีความหนาสูงขึ้น ความชื้นลดลง ความสามารถในการละลายลดลง ความสามารถในการยอมให้ไอน้ำผ่านเข้าออกลดลง มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น และมีความยืดหยุ่นลดลง และเมื่อนำสารสกัด HRBE ที่มีความสามารถในการต้านแบคทีเรียมาผสมลงในฟิล์มโปรตีนกากรำข้าว พบว่าฟิล์มมีสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้ทุกชนิดที่นำมาทดสอบ โดยจะต้องใช้สารสกัดที่ความเข้มข้นตั้งแต่ 12% ขึ้นไป