โครงการ
โครงการทดสอบ รัตนา 18/11/2557

ผู้บริหาร/ผู้ประสานหน่วยงาน/นักวิจัย ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของระบบ NRMS และสามารถกรอกข้อมูลรายละเอียดการติดตามโครงการวิจัยและผลสำเร็จของการดำเนินงานวิจัยเข้าสู่ระบบบริหารจัดการงานวิจัยแห่งชาติ (ระบบ NRMS) ได้ถูกต้อง

VFการเสริมสารสกัดแคโรทีนอยด์จากกากมะเขือเทศในแคปซูลแข็งเพื่อเก็บรักษาแคโรทีนอยด์ห่อหุ้ม
ทราบสภาวะเหมาะสมในการผลิตฟิล์มเจลาตินผสมสารสกัดจากกากมะเขือเทศ เพื่อผลิตแคปซูลแข็ง ทราบสมบัติทางกายภาพของฟิล์มเจลาตินผสมสารสกัดจากกากมะเขือเทศ ได้ผลิตภัณฑ์ต้นแบบของแคปซูลแข็งสำหรับเก็บรักษาแคโรทีนอยด์สกัดที่ผ่านการห่อหุ้มด้วยการทำแห้งแบบพ่นฝอย
VFการพัฒนาสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปลานิล (Oreochromis niloticus) ชนิด crude glucan bio-nanoparticle จากก้อนเห็ดแครง (Shizophyllum commune) เหลือทิ้งหลังเก็บเกี่ยว
พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ในการสร้างสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ชนิด Bio-nanoparticle จากวัสดุเหลือใช้ในการเพาะเลี้ยงเห็ดแครง ลดของเสียและเพิ่มมูลค่าของก้อนเห็ดเหลือทิ้งจากการเลี้ยงเห็ดแครงของเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองและลดการนำเข้าสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิด glucan ในปลาเศรษฐกิจของประเทศไทย
VFการสกัดสารต้านแบคทีเรียก่อโรคและโปรตีนจากรำข้าว และการประยุกต์ใช้ในแผ่นฟิล์มบริโภคได้
1. ด้านเศรษฐกิจ สามารถหาช่องทางการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหลือทิ้งที่มีจำนวนมหาศาลจากการสี ข้าวและจากอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าว ได้แก่ รำข้าวก่อนและหลังการสกัดน้ำมัน เป็นการใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการ จึงเป็นวิธีการเพิ่มมูลค่าให้แก่ของเสียตามนโยบายของรัฐบาล และรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในคราวเดียว เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโรงสี และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันรำ 2. ด้านสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพออกจากรำและกากรำก่อนนำไปกำจัด เป็นทางเลือกใหม่ของวัสดุทางภาชนะบรรจุที่สามารถรับประทานได้และสามารถย่อย สลายได้ตามธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดปัญหาสภาวะแวดล้อมเป็นพิษได้ เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม และควบคุมมาตรฐานมลพิษทางอุตสาหกรรม 3. ด้านวิชาการ สามารถประเมินความเป็นไปได้ในการนำสารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียจากรำข้าว ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตรและอาหาร และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดสร้างองค์ความรู้ หรือประยุกต์ใช้ในงานวิจัยต่อไปเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับคุณสมบัติ ของฟิล์ม หรือพัฒนาคุณภาพของฟิล์มให้เหมาะสมต่อผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เพื่อใช้เป็นภาชนะและวัสดุสัมผัสอาหารที่มีความปลอดภัย และอาจนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้านแบคทีเรียในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเป็นวัตถุเจือปนในอาหาร และอาหารเสริม ดังตัวอย่างสารสกัดใบมะกอกเพื่อยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียในเครื่องดื่มนม อัลมอนด์ และแคปซูลสารสกัดใบมะกอกที่มีจำหน่ายจริงในปัจจุบัน เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและนักวิจัย 4. ด้านการเผยแพร่ ผลวิจัยที่ได้จะนำไปแสดงในการประชุมทางวิชาการระดับชาติ และตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสารที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 1 ฉบับ
VFการผลิตกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังด้วยเชื้อแลคติกแอซิดแบคทีเรีย
ด้วยความวิตกกังวลถึงปริมาณปิโตรเลียมที่จะใช้ในอนาคต และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ที่มีสาเหตุมาจากการใช้สารประกอบจากปิโตรเลียม ทำให้หลายฝ่ายพยายามคิดหาสิ่งที่จะนำมาใช้ทดแทนเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืน พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ กรดแลคติกสามารถใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตพลาสติกชีวภาพได้ โดยกรดแลคติกที่ใช้อยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะได้จากการหมักน้ำตาลด้วยแลคติกแอซิดแบคทีเรีย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กรดแลคติกและพลาสติกที่ผลิตจากกรดแลคติกมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นการผลิตกรดแลคติกโดยตรงจากวัตถุดิบประเภทแป้งด้วยเชื้อแลคติกแอซิดแบคทีเรีย จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตกรดแลคติกและพลาสติกจากกรดแลคติกให้ถูกลงได้ ในแต่ละปีประเทศไทยสามารถผลิตมันสำปะหลังได้มากกว่า 20 ล้านตัน ซึ่งจะสามารถใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบที่ดีและเป็นความได้เปรียบที่มีอยู่เดิมที่จะพัฒนาสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ดังนั้นประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัยนี้ ได้แก่ 1. พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตกรดอินทรีย์/อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพของประเทศไทย เนื่องจากผลลัพธ์หลักของโครงการวิจัยนี้เป็นกระบวนการผลิตกรดแลคติกโดยตรงจากแป้งมันสำปะหลัง ดังนั้นองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้สามารถนำไปใช้เป็นรากฐานในอุตสาหกรรมการผลิตกรดแลคติกได้ ซึ่งกรดที่ได้สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพต่อไปได้ โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการวิจัยนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตกรดแลคติก อุตสาหกรรมพลาสติก เป็นต้น 2. เพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากเป้าหมายของโครงการจะใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตกรดแลคติก ดังนั้นผลสำเร็จของโครงการเมื่อเกิดอุตสาหกรรมการผลิตกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังแล้ว จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้มันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วยรักษาระดับราคามันสำปะหลังให้สูงอยู่ได้ 3. ได้เทคโนโลยีการผลิตกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังด้วยเชื้อแลคติกแอซิดแบคทีเรียประหยัดพลังงาน เนื่องจากไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงในกระบวนการผลิต 4. ได้สายพันธุ์แลคติกแอซิดแบคทีเรียที่ผลิตเอนไซม์อะไมเลสย่อยแป้งได้ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงการผลิตกรดแลคติกโดยกระบวนการหมักด้วยเชื้อสายพันธุ์ที่คัดแยกได้นี้ และยังสามารถนำไปพัฒนาต่อได้โดยการนำเทคโนโลยีที่สูงขึ้นเข้ามาช่วย เช่น การใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม เพื่อพัฒนาใช้ในระดับอุตสาหกรรมต่อไปได้

ฝ่ายดัชนีและประเมินสถานภาพการวิจัยและนวัตกรรม กองระบบและบริหารข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

เลขที่ 196 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.10900
โทร 02-561-2445 ต่อ 706, 711
Email iras@nrct.go.th


9%