งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังของแลคติกแอซิดแบคทีเรีย จำนวน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Lactobacillus amylovorus, Lactobacillus acidophilus และ Lactobacillus plantarum เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกรดแลคติกของเชื้อให้ได้ปริมาณมากที่สุด โดยทำการศึกษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยง (37, 40 และ 45 องศาเซลเซียส) และความเข้มข้นของแป้งมันสำปะหลังในอาหารเลี้ยงเชื้อ (2, 5, 10 และ 15%, w/v) ดยจะทำการศึกษาอุณหภูมิที่เหมาิตกรดแลคติกคือ วยารทางเคมีดิบเหล่านี้ได้ง่าย่งจะเป็นการลดต้ทุนการผลลิตผลการทดลอง พบว่า L. amylovorus ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 40.74 กรัมต่อลิตร ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ส่วน L. acidophilus ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 62.64 กรัมต่อลิตร ที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ในขณะที่ L. plantarum ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 40.18 กรัมต่อลิตร ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เมื่อศึกษาความเข้มข้นของแป้งมันสำปะหลังในอาหารเลี้ยงเชื้อ พบว่า L. amylovorus ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 103.00 กรัมต่อลิตร ที่ความเข้มข้นของแป้งมันสำปะหลัง 15% เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ส่วน L. acidophilus ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 122.46 กรัมต่อลิตร ที่ความเข้มข้นของแป้งมันสำปะหลัง 10% เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ในขณะที่ L. plantarum ผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 103.90 กรัมต่อลิตร ที่ความเข้มข้นของแป้งมันสำปะหลัง 10% เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เมื่อทำการพัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับหมักกรดแลคติกของเชื้อ โดยใช้แหล่งไนโตรเจนอื่นๆ ได้แก่ แอมโมเนียมซัลเฟต , ยูเรีย, ได-แอมโมเนียมไฮโดรเจนฟอสเฟต, กากถั่วเหลือง ที่ความเข้มข้น 2.5% และรำข้าว ที่ความเข้มข้น 1.5, 2.5, 3.5, 5 และ 7% แทนที่แหล่งไนโตรเจนของสูตรอาหารเหลว MRS ในการเพาะเลี้ยง L. amylovorus พบว่า L. amylovorus สามารถเจริญเติบโตได้ดีและสามารถผลิตกรดแลคติกได้สูงที่สุด เท่ากับ 69.48 กรัมต่อลิตร ในอาหารเหลว MRS ที่มีรำข้าว ความเข้มข้น 5% เมื่อเพาะเลี้ยงเชื้อเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้เข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการหมักกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังของเชื้อ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับการพัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับการผลิตกรดแลคติกจากแป้งมันสำปะหลังด้วยเชื้อแลคติกแอซิดแบคทีเรียต่อไป